หลายปีที่ผ่านมา ผมเจอช่างฝีมือดีมากมายที่รับงานบิ้วอินด้วยความตั้งใจเต็มร้อย แต่กลับล้มไม่เป็นท่าเพราะพลาดแค่เรื่องเดียว…
“ไม่มองเห็นความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในงาน”
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ของใครคนหนึ่ง แต่มันคือบทเรียนราคาแพงที่ผมเจอมาตลอด 30 ปีในวงการ
และวันนี้ผมอยากแชร์ให้พวกเราทุกคน โดยเฉพาะน้องๆ มือใหม่ หรือคนที่กำลังเริ่มทำรับเหมาบิ้วอิน ได้รู้ก่อนจะก้าวพลาด
“ความเสี่ยง” ที่มือใหม่มักไม่เห็น แต่เจอบ่อย
- ไม่เช็คแบบให้ดีตั้งแต่แรก
ผมเคยรับงานหนึ่งที่แบบดูดีมาก แต่พอลงมือจริง ดันเจอว่าแบบไม่ได้ซ่อนสายไฟไว้ในโครงอย่างที่ควรจะเป็น
งานเดินสายต้องทุบใหม่ เสียเงิน เสียเวลา แถมเจ้าของบ้านไม่พอใจอีก
- เจ้าของบ้านเปลี่ยนใจกลางทาง
มีเจ้าของงานคนหนึ่ง สั่งลิ้นชักแบบ A แต่พอทำเสร็จ 70% กลับบอกว่าอยากได้แบบ B
ถ้าเราทำสัญญาไม่ชัด งานนี้จะกลายเป็น “กำไรหาย ขาดทุนเพิ่ม” ทันที
.ทำ BOQ และ TOR ให้ชัดเจนที่สุด และอย่าลืมใส่เงื่อนไขเรื่องการเปลี่ยนแปลงระหว่างงาน
- ทีมงานขาดความพร้อม
ช่างบางคนบอกว่าทำได้ แต่พอเจองานจริง กลับลากยาว แก้งานหลายรอบ
ตอนนั้นผมเองก็เคยคิดว่า “เดี๋ยวก็ค่อยๆ ปรับ” แต่สุดท้ายเสียเครดิตกับลูกค้า
แล้วเราจะจัดการ ‘ความเสี่ยง’ เหล่านี้ยังไงให้มืออาชีพ?
เริ่มจาก mindset
- อย่าคิดว่าเราจะรับงานให้จบอย่างเดียว แต่ต้อง “รับงานให้จบแบบกำไรและมีชื่อเสียงเพิ่ม”
- วางระบบก่อนลุยงานทุกครั้ง แบบต้องผ่าน QC, ทีมต้อง Brief พร้อม, สัญญาต้องรัดกุม
- สร้าง Checklist ความเสี่ยงในแต่ละงานให้ทีมรู้ว่าอะไรที่ ‘ห้ามพลาดเด็ดขาด’
ผมไม่อยากให้น้องๆ ช่างบิ้วอินต้องมาเสียเวลา เสียเครดิต หรือหมดไฟเพราะความเสี่ยงที่มองไม่เห็น
ใครที่ทำงานแบบไม่มีระบบ ผมบอกเลยว่าอีกไม่นานจะเริ่มเจอปัญหาแบบไม่ทันตั้งตัว
แต่ถ้าเราคิดแบบมืออาชีพตั้งแต่วันนี้ วางแผนเป็น มีระบบชัด งานจะง่ายขึ้น และลูกค้าจะกลับมาใช้ซ้ำแน่นอน
อย่ารอให้เจอปัญหาก่อนถึงจะเรียนรู้
ลองถามตัวเองตอนนี้ว่า…
“เรารับงานแบบรู้ความเสี่ยง หรือแค่รับเพราะอยากได้เงินไว?”
ถ้าอยากโตในสายงานนี้แบบยั่งยืน ต้องเริ่มสร้างความเป็น ‘มืออาชีพ’ ตั้งแต่วันนี้ครับ
#ช่างบิ้วอิน #ผู้รับเหมามือใหม่ #เทคนิคผู้รับเหมา #จัดการความเสี่ยง #BuiltInMindset #บิ้วอินอย่างโปร #ผู้รับเหมาเจ้าเก่าเล่าใหม่