ระวัง หลุมพรางสำคัญของวงการรับเหมา คือ การคิดไปเองว่าทำได้
วันนี้ผมขอยกตัวอย่าง Case Study ที่เป็นประสบการณ์โดยตรงของผมมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ผู้รับเหมาทุกท่านนะครับ ก่อนอื่นขอเกริ่นไว้ก่อนว่าเพราะเหตุการณ์นี้ ผมถึงกับเสียบ้านไป 1 หลัง และเผชิญกับการขาดทุนครั้งใหญ่ หากท่านใดไม่อยากประสบพบเจอวิกฤตนี้ด้วยตัวเอง อ่านต่อด้านล่างเลยครับ
เหตุการณ์นี้เป็นโปรเจ็คที่ผมรับงานโรงแรมมาดูแล และยังเป็นโรงแรมบนเกาะอีกด้วยครับ ซึ่งเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้าง ต้องบอกเลยว่าตอนนั้นผมทำแค่ตกแต่งภายใน ไม่เคยลงสนามก่อสร้าง หรือโครงสร้างมาก่อน แต่ด้วยความโลภ และความเกรงใจต่างๆ ในตอนนั้น ทำให้ผมตัดสินใจรับงาน เพราะคิดว่า ’สามารถทำได้‘ ผมคิดว่าเรามีลูกน้อง เรามีคนช่วย เลยน่าจะทำได้แม้มูลค่างานจะแตะ 200 ล้านเลยทีเดียว
ผมรับงานโดยที่ไม่รู้จริง ไม่รู้ถึงวิธีจัดการงานโครงสร้าง ราคาที่แท้จริง ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย ทำให้ตอนกำหนดต้นทุนนั้นเป็นไปได้ยากมาก และพอกำหนดไม่ได้ แน่นอนครับ ผมขาดทุนยับเยิน เพราะผมไม่รู้ว่างานรับเหมาบนเก่าค่าจ้างช่างต้องจ่าย ‘คูณ 3’ ของค่าจ้างปกติ จากการปูกระเบื้องที่เราเคยจ่าย 300-400 บาทต่อตารางเมตร พอเป็นงานบนเกาะตารางเมตรละ 1000 บาทขึ้นไปอีก และยิ่งไปกว่านั้นการหาช่าง หาคนงานยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะเขาไม่รับงานกัน ค่าใช้จ่าย และต้นทุนต่างๆจึงหลุดกรอบที่ผมวางไว้แทบหาทางลงไม่ได้
บางท่านอาจจะมีความคิดว่า ”ทำไมไม่ทิ้งงานไปล่ะ ขาดทุนขนาดนั้น?“
สำหรับผมที่อยู่วงการรับเหมามานานบอกเลยครับว่า “ยอมขาดทุนรับผิดชอบงาน ดีกว่าปิดโอกาสหากินในวงการนี้ไปตลอดชีวิต“
เพราะสิ่งที่ผู้รับเหมาต้องให้ความสำคัญและรักษาให้ดีที่สุด คือ เครดิตของเรา หากเสียเพียงครั้งเดียว มันจะเป็นตราบาปของเราไปตลอดชีวิตในวงการ
ดังนั้นผมอยากฝากผู้รับเหมาทุกท่านไว้นะครับว่า ถ้าเราไม่รู้ต้นทุนจริงๆ ไม่เชี่ยวชาญงานที่จะรับจริงๆ อย่าเสี่ยงรับด้วยความคิดว่าทำได้เลยครับ แต่หากอยากรับจริงๆ ให้หาผู้เชี่ยวชาญมาร่วมปรึกษา ร่วมกันวางแผนก่อนเสนอราคากับลูกค้า เพราะหากงานงอกขึ้นมา ไม่คุณขาดทุน ก็เสียเครดิตในวงการรับเหมา มันไม่คุ้มกันเลยครับ
#VSMODULAR#บิ้วอินเปลี่ยนโลก#หลักสูตรออกแบบภายในยุคใหม่#ต๋องดีไซน์เนอร์บ้านบ้าน